Thank you teacher (GOT7BAMBAM x You)
“พี่ช่วยผมหน่อยนะ ผมอยากสอบผ่านจะได้เรียนจบๆซักที”
ผู้เข้าชมรวม
581
ผู้เข้าชมเดือนนี้
13
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
มันคือความตั้งใจที่มีมานานของไรท์เอง
เรื่องนี้จึงบังเกิดขึ้น
เหตุมันเกิดมาจากเป็นคนไม่ชอบอ่านหนังสือเรียนได้หยิบเมื่อไหร่เป็นง่วงเหมือนหนังสือเรียนมันมียาสลบพ่นออกมางั้นแหละ
แต่พอเป็นหนังสือนิยายหรือฟิคนะ ต่อให้ยาวเป็นร้อยๆหน้าก็อ่านได้จนจบเล่มในคราเดียว
แล้วไรท์ก็คิดมาเสมอพร้อมกับคุยแลกเปลี่ยนกะเพื่อนสนิทว่า
"ทำไมเขาไม่แต่งหนังสือเรียนให้มันน่าอ่านเหมือนนิยายวะ"
และนี่ก็เป็นที่มาของฟิคเรื่องนี้ ที่จะยาวหรือสั้นก็ไม่รู้55
เนื้อหาหลักจะเป็นวิชาสังคมศึกษา ที่บางคนก็ชอบ บางคนก็เบื่อ เนื้อหาเยอะเป็นบ้าใครจะไปจำหมด
เค้าจะพยายามทำให้มันสนุกและได้ความรู้ไปด้วยให้มากที่สุดนะคะ ตามความตั้งใจแรก
ชอบไม่ชอบ คอมเม้นได้เลยนะ แต่อย่าหยาบคายเป็นพอเน๊อะ ^^
//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
“แน่ใจนะว่าไม่ลืมอะไรแล้วอ่ะ”
คนเป็นพี่ถามน้องสาวอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ เพราะเธอรู้ดีว่าน้องสาวคนนี้ขี้ลืมขนาดไหนต่อให้จัดกระเป๋าล่วงหน้า 3 วันก็ยังลืมนู่นนี่ได้
“ไม่ลืมแล้วน่า”
เธอก้มมองกระเป๋าที่เปิดอ้าอยู่ของตัวเองอีกครั้ง
“ตั๋ว พาสปอร์ต เป๋าตังค์”
“เออ เป๋าตังค์อยู่ไหนวะ”
คนเป็นพี่ถอนหายใจออกมาอย่างแรงกะแล้วไม่มีผิดว่ามันต้องลืม
“เค ไม่ครบก็ไม่รู้จะว่าไงละ น้ำหนักจะเกินแล้วเนี่ย”
เจ้าตัวว่าก่อนจะปิดกระเป๋ารูดซิปอย่างมั่นใจ รู้สึกตื่นเต้นมากๆนี่เป็นครั้งแรกที่จะเดินทางไปเกาหลีตัวคนเดียว เธอเคยไปครั้งแรกกับเพื่อนสนิทคนหนึ่งตกลงกันไว้ตั้งแต่เรียนจบและเริ่มหางานทำว่าปีต่อไปจะลองบินมามั่วๆกันดูซักครั้ง อายุก็23 จะ24 แล้วชีวิตยังไม่มีประสบการณ์อะไรเลย ยังขอเงินแม่ใช้เห็นรีวิวคนไปเที่ยวเกาหลีกันเองแล้วก็มีแรงฮึด จากไปครั้งแรกก็ติดใจถึงจะเงอะงะกันทั้งคู่ สกิลภาษาอังกฤษอย่าไปพูดถึงมันเลย 10%นี่เต็มที่แล้ว
เคยฝึกสอนอยู่โรงเรียนหนึ่งมีสาวชาวจีนมาสอนอยู่สองเดือนคุยกันภาษาอังกฤษแบบพึ่งพี่กู๋อย่างเดียวเลย นี่หล่ะน๊าผลจากการไม่ยอมท่องศัพท์เอาเป็นว่าถ้าโทรศัพท์ไม่มีเน็ตชีวิตก็จบ แต่เธอก็ให้ความสนใจในภาษาเกาหลีอยู่ระดับหนึ่งแบบว่าเป็นติ่งเกาหลีชอบศิลปินเกาหลีขนาดว่าไปคอนเสิร์ต ซื้อของออฟฟิเชี่ยว อะไรก็ตามที่เกี่ยวกับเมนตัวเองอี่นี่สนหมดแต่!!!ไม่ซื้อหมดหรอกไม่มีตังค์ เอาแค่พอซื้อได้ กลับมาที่ภาษาเกาหลีนั่นแหละเป็นติ่งและชอบดูซีรี่ย์เป็นชีวิตจิตใจนางเลยเริ่มศึกษาภาษาเกาหลีด้วยตัวเอง ก็สกิลเดียวกับภาษาอังกฤษนั่นแหละ อ่านออกแต่แปลไม่ได้จบนะ!!!
“เออๆ อย่าตื่นสายหล่ะ”
พี่สาวไปนอนแล้วเธอก็คิดได้ว่าควรจะนอนเหมือนกัน
“ขอแปะมาร์กซักแผ่นละกันตื่นมาหน้าจะได้ใสๆคริ๊ๆ”
เคยมั้ยชอบพูดคนเดียวบ่อยๆ ยิ่งเวลาเห็นรูปโอป้าแล้วนั้นแดดิ้น ทิ้งตัวเขินม้วน แล้วก็เริ่มพูดคนเดียว
7:00
ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ
“เดินทางปลอดภัยหล่ะ มีไรก็โทรมา ไม่ลืมไรแล้วใช่มั้ย”
พี่สาวบอกย้ำน้องสาวอีกครั้ง เธอมองน้องคนเดียวด้วยความเป็นห่วง เพราะสองคนนี้สนิทกันที่สุด
“เออๆ เดี๋ยวเฟซไทม์ไปถ้าถึงแล้วอ่ะ ไปแระ”
เธอลากกระเป๋าใบใหญ่ที่อัดแน่นไปด้วยของจำเป็นและไม่จำเป็นบางอย่าง เคยมั้ยเอาไปเกินดีกว่าขาดแล้วก็หยิบนู่นนี่มาจนกระเป๋าแทบปิดไม่ลงอันนั้นก็ต้องใช้อันนี้ก็ควรจะมี เอาไปยันอุปกรณ์ทำแผลอ่ะคิดดูไม่มีน้ำๆนะ มีแค่พลาสเตอร์เท่านั้นแหละแต่ถ้าเที่ยวในประเทศบอกเลยอีนี่มีครบทุกอย่าง เอาไปขนาดว่าเผื่อคนอื่นด้วย
5
ชั่วโมงต่อมา
อินชอนเกาหลีใต้
“ฮาโล่วววววโคเรียยยยยย”
พอลงเครื่องโหลดกระเป๋าเสร็จอะไรเสร็จหญิงสาวตัวคนเดียวในแผ่นดินเกาหลีก็ออกมายืนยิ้มอยู่หน้าทางออกจากสนามบิน นั่นแหละก็ตัวคนเดียวจะพูดกับใครถ้าไม่พูดคนเดียว สูดอากาศเต็มปอดเจ้าตัวก็ไปยังจุดขึ้นรสบัสเพื่อไปโซลและเดินทางสู่ที่พักที่จองไว้แล้ว การเดินทางตัวคนเดียวในครั้งนี้เจ้าตัวตั้งใจไว้คือหนึ่งสัปดาห์และมาช่วงเดือนเมษายนเพราะทางโรงเรียนจะไม่มีกิจกรรมอะไรให้วิ่งวุ่นชัวร์แล้วแน่ๆ อ่าลืมบอกไปว่าเห็นเบ๊อะๆแบบนี้นางเป็นครูนะจ๊ะ สอนวิชาสังคมศึกษาจบครุศาสตร์โดยตรง ไม่ใช่คนเรียนเก่งอะไรมาก ความพยายามก็น้อย แต่ก็สตรองพอจะสอบบรรจุครูเป็นข้าราชการได้อ่ะนะ (ไม่ค่อยอวยตัวเองเท่าไหร่)
ปิดเทอมไงเลยมาเที่ยวหาประสบการณ์ไปเล่าให้นักเรียนฟังซะหน่อย
กว่าจะจัดของเสร็จอะไรเสร็จก็เกือบทุ่มหนึ่งแล้ว ท้องก็เริ่มจะร้องแล้วด้วยเจ้าตัวเลยเลือกที่จะเดินไปร้านสะดวกซื้อซึ่งอยู่ใกล้ที่พักมากๆ สะดวกสุดๆฝากท้องไว้กับที่นี่ยังไงก็รอดตายเดินทางเหนื่อยเกินกว่าจะหาร้านแล้วด้วย หลังจากเดินวนไปมาสองสามรอบหยุดยืนพิจารณาอาหาร (ไม่ใช่ละเดี๋ยวข้าวทุกจานอาหารทุกอย่างจะมา)
คิดอยู่ว่าจะกินอะไรดีก็ได้เมนูเดิมๆคือนมกล้วยกับข้าวปั้นสามเหลี่ยม ไม่ว่าจะไทยหรือเทศนางก็กินเหมือนเดิมจริงๆ
ขณะเดินมานั่งชิวหน้าร้านสะดวกซื้อเสียงเตือนข้อความก็ดังขึ้น เจ้าตัวล้วงโทรศัพท์ก่อนจะนั่งลงโต๊ะที่ว่างซึ่งก็มีนางอยู่คนเดียวแหละ
(ถึงหรือยัง)
“ถึงแล้ว”
(โอเคเจอกันพรุ่งนี้นะ)
“อะเครคร่า><”
พอตอบแชทกับเพื่อนชาวไทยที่อาศัยอยู่ที่เกาหลีจบนางก็จัดการฟาดอาหารที่ซื้อมาเมื่อครู่อย่างไว บอกอีกนิดคือคนที่คุยด้วยเมื่อกี๊เป็นคนไทยที่มาได้แฟนเป็นคนเกาหลี บังเอิญรู้จักกันตอนที่นางมาเที่ยวกับเพื่อนเมื่อปีที่แล้ว แล้วก็ติดต่อกันมาตลอดและที่สำคัญคือนางเป็นติ่งเหมือนกันและได้แฟนเป็นสตาฟด้วยลายเซ็นศิลปินที่นางได้มาเก็บๆไว้ก็มาจากแฟนของเพื่อนคนนี้แหละ
วันต่อมา
หญิงสาวตัวคนเดียวกำลังยืนรอเพื่อนคนไทยที่คุยกันเมื่อวานมารับตอนนี้ยืนเอ๋ออยู่หน้าสถานีรถไฟใต้ดินแหละ แล้วสายตาเหลือบไปเห็นว่ามีรูปจีดราก้อนอยู่ตรงนั้น ทันทีที่เห็นแบบหุบยิ้มไม่ได้เคยเป็นกันมั้ยคะ แบบดีใจสุดๆเขินด้วยแหละอยากกรี๊ดออกมาแต่ทำไม่ได้อ่ะ ได้แต่ยืนกัดปากตัวเองไม่ให้เขินจนคนอื่นมองว่าบ้ามายืนยิ้มคนเดียวประมาณนี้
“เฮ้ย ยิ้มไรเหนี่ย”
“ตกใจหมดเลย!”
เพื่อนที่นัดกันไว้โผล่มาแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียงเล่นเอาตกใจนึกว่าตำรวจมาจับเพราะอาจจะคิดว่าเป็นต่างด้าวสติไม่ดี
“ไปกัน”
“แพรดูดิสามีเค้า เขินหว่ะ”
เพื่อนนามว่าแพรหันไปมองตามที่เธอบอกก่อนจะยื่นมือมาผลักหัวเบาๆ
“เลิกเขินเหอะ ไปมั้ยร้านกาแฟAOMGหน่ะ”
“ไปดิอยากเจอหน้าพี่เกรย์จะแย่ คริ๊ๆ><”
แล้วสองสาวก็เริงร่ากันไป ณ สถานที่เป้าหมาย
ซ้ายขวาหน้าหลังหันแล้ว360องศา ไหนวะเกรย์โอป้ามีแต่พนักงาน
“แพรเค้าจะมาเปล่าวะอยากเจออ่ะ”
เธอหันไปโอดโอยกับเพื่อนเพราะนั่งรอมาชั่วโมงนึงแล้วยังไม่มีวี่แววเกรย์โอป้าหรือแจบอมโอป้าแม้แต่เงา
“วันนี้เค้าอาจจะไม่เข้ามั้ง เดี๋ยวไปถามพนักงานแปบ”
แล้วแพรเพื่อนที่แสนดีก็เดินไปถามพนักงานของร้าน คนรอก็ลุ้นไปเถอะ ขอให้มาๆๆๆๆ
“ไอ้ส้ม เค้าบอกว่าไม่น่าจะเข้านะ เพราะเมื่อวานเพิ่งจะมาเอง”
กรี๊ดดดดดด ทำไมพี่ไม่มาวันนี้คะ!!!!!!
“ไรว้า นกอีกแระเฮ้ออออออ”
หมดแรงแบบนี้หมดแรงเธอฟุบหน้าลงกับโต๊ะตัวยาวที่นั่งหันหน้าไปทางถนน
“งั้นไปที่อื่นต่อกันเหอะ”
“อือๆ”
สรุปว่าการตะเวนติ่งไปยังร้านโอป้ามีอันต้องนกทุกรายการ ให้ตายเถอะทำไมไม่ลัคกี้เกิล์ลบ้างว้า เสียใจๆ แล้วก็มานั่งซับน้ำตากัน ณ ร้านซุบซี่โครงหมูแสนโปรด
“เออ แล้วสรุปคนที่บอกจะให้สอนนี้ใครอ่ะ”
ขณะกำลังแทะซี่โครงเปื่อยนุ่มอย่างเมามันก็นึกขึ้นได้เรื่องที่เพื่อนเคยบอกไว้ก่อนจะมาเกาหลีไม่กี่วันว่าจะขอให้ติววิชาสังคมฯให้คนไทยคนนึงที่จะเอาไปสอบ จนมาถึงและจะหมดวันเพื่อนตัวดีก็ยังไม่ยอมพูดถึง
“อ๋อ เออเกือบลืมไปเลย เดี๋ยวพรุ่งนี้แกก็รู้เองแหละ ปล่อยมาสุดวิชาเลยนะคุณครู”
แพรแกล้งแหย่ในมือก็ถือซี่โครงสู้กันมาก
“ลับๆล่อๆอีกละ”
วันต่อมา
นิ่ง!!!
สตั๊น!!!
ช็อค!!!!!
เรียกรถพยาบาลให้กรูที!!!!
คุณครูจำเป็นกำลังนั่งนิ่งเป็นหินขณะมองคนตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา ทันทีที่ชายหนุ่มร่างสูงบางเดินเข้ามาในร้านแล้วหันซ้ายหันขวา ก่อนจะเดินมาหยุดที่โต๊ะซึ่งมีเธอและเพื่อนสาวนั่งอยู่ เขาเลื่อนเก้าอี้ที่อยู่ตรงข้ามเธอออกนั่ง เขาใส่หมวกและมีแมทคาดอยู่ และดูยังไงก็รู้ว่าใครก็เธอเป็นติ่งวงนี้และเป็นวงหลักๆที่เธอชอบขนาดอัพรูปทุกวันจะไม่รู้ได้ไง และเพื่อคลายความสงสัยเล็กๆในใจชายหนุ่มก็ถอดแมทออก
OMG!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
“เอ่อ...คือ..ที่จะให้ติวนี่ คนนี้เหรอ”
เธอหันไปหาเพื่อนสนิทอย่างไม่รู้จะทำยังไง ได้แต่อ้ำๆอึ้งๆ กลบความประหม่าที่กำลังพุงสูงแตะเพดานร้าน
“อื้ม ก็น้องเค้าบอกอยากได้คนติวซักคนแล้วฉันก็รู้จักแก แกเป็นครู จบสังคมฯไม่ใช่หรือไง”
แพรพูดอย่างสบายใจแถมดูดน้ำไปเรื่อย
“พี่ช่วยผมหน่อยนะ ผมอยากสอบผ่านจะได้เรียนจบๆซักที”
ชายหนุ่มร่างบางว่า สีหน้าอ้อนๆ กับเสียงนุ่มๆพอได้ฟังเองกับหูได้ยินใกล้ๆ ได้เห็นสีหน้าท่าทาง จากที่แค่ชอบไม่ใช่เมนหลัก ตอนนี้บอกได้เลยว่า มาร์คก็มาร์ค จินยองก็จินยองเถอะ ตอนนี้แบมแบมมาที่หนึ่งนี่พูดเลย (น้องโคตรน่ารักเลยค่ะแม่)
เธอเห็นสีหน้าละมุนก็เคลิ้มอย่างง่าย
“ก็ได้ ว่าแต่ของระดับไหนหล่ะ”
พยายามคุมเสียงไม่ให้สั่นเพราะความตื่นเต้น แต่มือนี่จิกเกร็งมากบิดชายเสื้อจนจะขาดติดมือออกมาอยู่แล้ว
“ม.6ฮะ”
เด็กหนุ่มที่ไม่เด็กนะ พูดเสียงแจ้วจนเธอนึกถึงเหล่านักเรียนตัวแสบเหล่าลูกศิษย์ทั้งหลาย แต่นี่ต่างกันที่เขาไม่ใช่แค่นักเรียนธรรมดาๆ และไม่ใช่เด็กมัธยมด้วยหน่ะสิ
“ก็ต้องลงรายละเอียดลึกเลยหล่ะถ้างั้น แต่พี่มาแค่ไม่กี่วันคงจะสอนละเอียดไม่หมด เอาเป็นจุดสำคัญประเด็นหลักๆ เลยแล้วกัน จับเฉพาะคอนเซ็ปหลักก็น่าจะช่วยได้มากที่เหลือก็อ่านเพิ่มเอา”
เด็กหนุ่มตั้งใจฟังมือประสานกันวางบนโต๊ะ สีหน้าที่เคยขี้เล่นมีแต่แววของความจริงจัง จนเธอลืมภาพเด็กขี้เล่นออกแนวหญิงๆไปเลย
“ขอบคุณพี่มากๆ เลยฮะ ขอโทษที่รบกวนเวลาพี่ด้วยถ้าอยากได้อะไรบอกผมเลยนะ”
อยากได้แบม
อยากจะตอบไปแบบนั้นแต่คงโดนถีบกลับมา 'อีป้ามึงเยอะและ' อะไรประมาณนี้ เลยได้แต่ยิ้มแหยๆไปให้ คุยกันต่ออีกประมาณ 5 นาที น้องก็ขอตัวกลับเพราะออกมาที่สาธารณะแบบนี้นานๆไม่ได้
“เอ้ยผมเกือบลืม ขอเบอร์พี่ไว้หน่อยนะครับจะได้ติดต่อกันสะดวกๆ”
“ฮะ!!
เบอร์เหรอ อืมได้สิ”
แล้วก็รับโทรศัพท์น้องมากดๆ เช็คอีกทีว่าไม่กดเบอร์ผิดก็ส่งคืนน้อง
แบมแบมรับคืนไปไม่กี่วิต่อมาเสียงโทรศัพท์เธอก็ดังขึ้น
เธอหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าออกมาดูก็เห็นว่าเป็นเบอร์แปลกทำหน้างงอยู่พักหนึ่ง
“เบอร์ผมเองฮะ เมมไว้ด้วยนะ ผมไปหล่ะ”
แล้วแบมแบมก็จากไปพร้อมกับอี้ป้าที่ยังช็อคอยู่ มือถือโทรศัพท์ตามองประตูหน้าร้านที่คนร่างสูงบางเพิ่งเดินออกไป
“เฮ้ย น้องมันไปแล้วจะมึนอีกนานมั้ยเนี่ย”
“เออๆ รู้แล้วน่า”
“แหนะๆ หลงเสน่ห์งูเข้าแล้วหล่ะสิ”
“อะไรก็ชอบน้องอยู่แล้วป่ะแค่ไม่ใช่เมนหลัก”
“เหรอจ๊ะ สงสัยคราวนี้ได้เปลี่ยนเมนชัวร์”
“ไอแพร”
ชั้นไม่ได้ใจง่ายขนาดนั้นนะ!!
อยากตอบไปแบบนั้นถ้าไม่ติดว่ากลัวจะบาปที่ต้องโกหก
เธอจับหลอดมาดูดกาแฟที่ยังเหลืออยู่เกือบเต็มแก้วสายตาเบนไปนอกร้านผ่านช่องไม้ถี่ๆที่เป็นเหมือนชั้นหนังสือ
ในหัวเริ่มประมวลเนื้อหาวิชาสังคมของชั้นม.ปลายที่ไม่รู้ว่าสอนมาตั้งกี่รอบแล้ว
แต่พอมาเจอนักเรียนคนนี้เหมือนสมองจะไม่สั่งการซะงั้น
เนื้อหาที่เคยเรียงเป็นระบบในหัวเหมือนจะตีรวนผสมปนเปจนจับต้นชนปลายไม่ถูก
อะไรมาก่อนมาหลัง ยิ่งเรื่องละเอียดอ่อนอย่างวิชาประวัติศาสตร์ด้วยยิ่งแล้วใหญ่
ยุคไหนเป็นยุคไหน เกิดเหตุการณ์อะไรเชื่อมโยงกันยังไง โอ๊ยยยยย สติค่ะทีชชชชชชช
***************************************************************************
แค่ฟิคนะอย่าคิดมาก ทำไมต้องแบมแบมเหรอ? ก็อย่างที่เห็นนั่นแหละน้องน่ารักและเป็นคนไทยจะให้สอนสังคมฯให้คนเกาหลีมันดูไม่สมเหตุสมผลอ่ะ สุดท้ายก็มาลงที่แบมนี่แหละลงตัวสุด ><
ไว้จะมาลงเป็นตอนๆในโอกาสต่อไปนะคะ ^^
ผลงานอื่นๆ ของ Retroah7 ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Retroah7
ความคิดเห็น